Author: อาจารย์บุญเลิศ คณาธนสาร
Live&Learn
“Live & Learn” เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ คือ ชื่องานทอล์คการกุศล Give&Take ครั้งที่ 10 งาน Give&Take คือ งานที่อาจารย์ไชยยศ ปั้นสกุลไชย วิทยากรระดับแนวหน้าของเมืองไทย เป็นคนริเริ่มจัดขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2553 จนมาถึงปัจจุบันที่กำลังจะจัดขึ้นก็นับเป็นครั้งที่ 10 เข้าไปแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มีอาจารย์เอ-ทวีวรรณ กมลบุตร แห่ง บริษัท ท็อปเซอร์วิส เทรนนิ่ง จำกัด เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการจัดงาน โดยได้เชิญคนหลากหลายสาขาอาชีพรวมทั้งหมด 24 คน มาเล่าเรื่องราวดี ๆ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากชีวิตจริง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังทุกคน การได้ฟังเรื่องเล่าจาก 24 คน 24 เรื่องราว 24 ประสบการณ์ คือ ช่วงเวลาที่สุดแสนจะคุ้มค่า ในการร่วมเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของคนอื่นในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อที่จะนำไปปรับใช้ในเส้นทางชีวิตของตนเอง งาน Give&Take ครั้งที่ 10 จะจัดขึ้น วันเสาร์ที่ 7…
วิเคราะห์ปัญหาด้วย "PIPE"
(บทความนี้ตีพิมพ์ในคอลัมน์ “Life is Learning” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ที่ 23/11/2557) ในชีวิตของทุกคนไม่ว่าผู้ใหญ่ หรือเด็ก ล้วนแต่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างต่างนานา ไม่ว่าจะเล็กหรือว่าใหญ่ เพียงแต่ใครจะมองว่าสิ่งนั้นเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้น หรือเป็นสิ่งนั้นเป็นความท้าทายที่ทำให้เราเติบโตทางปัญญา แท้ที่จริงแล้วประเภทของปัญหา สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท Standard Problem คือ ความแตกต่างระหว่าง “สิ่งที่เป็นอยู่” กับ “สิ่งที่ควรจะเป็น” Challenge Problem คือ ความแตกต่างระหว่าง “สิ่งที่เป็นอยู่” กับ “สิ่งที่อยากให้เป็น” สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้นั้น องค์ประกอบที่สำคัญ ได้แก่ การวิเคราะห์ปัญหา ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนจะขอนำเสนอแนวทางวิเคราะห์ปัญหาด้วย “PIPE” ได้แก่ ปัจจัยภายใน (Internal Factor) P – People ให้พิจารณาว่ามี ใคร หรือ ทีมงานใด หรือ หน่วยงานใด หรือ องค์กรใด บ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ I –…
ฝันให้ไกล…ไปให้ถึง
(บทความนี้ตีพิมพ์ในคอลัมน์ “Life is Learning” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ที่ 03/08/2557) ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนมีฝันของตัวเอง ไม่ว่าฝันนั้นจะเล็กหรือฝันนั้นจะใหญ่ แต่จะทำอย่างไรเพื่อไปให้ถึงฝันนั้น วันนี้ผู้เขียนอยากจะนำเสนอแนวคิด “Looking Backward then Moving Forward” ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะช่วยพาเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการงาน หรือ ชีวิตส่วนตัว เริ่มต้นก่อนที่จะทำสิ่งใดนั้น การที่เราจะบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการได้ จะต้องเริ่มต้นจากคำถามว่า “แท้ที่จริงแล้ว อะไร คือ สิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้น” เราต้องเห็นภาพนั้นให้ชัดเจนเสียก่อน อะไรคือตัวชี้วัด (KPIs) ที่บอกว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว รวมไปถึงการกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นภายในเมื่อไหร่ จากนั้นให้ Looking Backward มองย้อนกลับจากภาพในอนาคตที่เราต้องการบรรลุ มายังสู่สิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็จะทำให้เรามองเห็นช่องว่าง (Gap) ระหว่างสิ่งที่เราต้องการบรรลุ กับ สิ่งที่เราเป็นอยู่ ว่ายังมีช่องว่างขนาดไหน อะไร คือ สิ่งที่เรายังขาดอยู่ ซึ่งจะทำให้เรารู้อะไร คือ สิ่งที่เราต้องเติมเต็ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ หลังจากนั้นก็คือการเดินทางไปสู่เป้าหมาย Moving Forward สิ่งที่เราจะคำนึง ก็คือ…
เปิดพื้นที่แห่งการรับฟัง
(บทความนี้ตีพิมพ์ในคอลัมน์ “Life is Learning” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ที่ 13/07/2557) “Please listen carefully and try to hear what i am not saying” – Charles Finn สุ-จิ-ปุ-ลิ ทักษะการฟัง คือ หนึ่งในทักษะที่เป็นหัวใจของนักปราชญ์ พอผู้เขียนได้เห็น Quote นี้แล้ว ยิ่งทำให้มาย้อนคิดอีกว่าแท้ที่จริงแล้ว คำว่า LISTEN ประกอบด้วยตัวภาษาอังกฤษ 6 ตัว ที่พอมาจัดเรียงใหม่จะได้เป็นคำว่า SILENT ที่แปลว่า ความเงียบ ใช่แล้วการที่เราจะสามารถฟังผู้อื่นได้ดีนั้น เราจะต้องเงียบเสียงตัวเราเอง ไม่พูดแทรก ขัดจังหวะ และคำว่า HEAR ที่แปลว่า รับรู้ได้ยิน นั้น ก็ออกเสียงพ้องกับกับคำว่า HERE ที่แปลว่า ที่นี่ ตรงนี้ แน่นอนอีกเช่นกัน การที่เราจะสามารถฟังผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้นนั้น…
หายนะสนทนา สู่ สุนทรียสนทนา
(บทความนี้ตีพิมพ์ในคอลัมน์ “Life is Learning” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ที่ 11/05/2557) ในท่ามกลางวิกฤติปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีผู้ใหญ่หลายท่านได้แนะให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อพูดคุยหาทางออกของปัญหา ด้วยวิธีการสุนทรียสนทนา (Dialogue) จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เคยเข้าร่วมวง Dialogue ก็ได้เรียนรู้มุมมองที่เป็นประโยชน์หลายประเด็นสำคัญ ๆ ดังนี้ 1. “สุนทรียสนทนา” (Dialogue) ไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะสามารถนำใช้ในการแก้ปัญหาใดก็ได้ในทันที แต่ Dialogue คือ จุดเริ่มต้นกระบวนการในการเรียนรู้ร่วมกัน โดยการปล่อยวางความคิด ห้อยแขวนคำพิพากษาไว้ก่อน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินความคิดคนอื่น ดังนั้นจึงต้องมีกติกาว่า คนที่มีสิทธิ์พูดนั้น คือ คนที่ถือแท่ง Indian Stick เพราะต้องการให้ทุกคนที่เหลือตั้งใจฟังคนที่พูด หรือกติกาในวงที่ว่า เมื่อพูดจบแล้ว จะต้องคั่นให้คนอื่น ๆ ภายในวงพูดบ้าง 4-5 คน จึงจะสามารถใช้สิทธิ์พูดได้ เพราะจะได้ทำให้เราปล่อยวางความคิด ไม่ด่วนตัดสินผู้อื่น อันนี้เราสามารถ check กับตัวเองได้ว่าเราปล่อยวางจริงไหม ไม่ตัดสินจริงไหม ด้วยการฟังเสียงจากภายใน (Inner Voice) ในตัวเราเอง ว่าเวลาคนอื่นพูดอยู่…