จอนนี่ ไอฟฟ์ (Jony Ive) ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ iPhone

จะมีกี่คนจะรู้ว่าเบื้องหลังความสำเร็จของรูปลักษณ์ iPhone ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เกิดจากพนักงานฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ (ผู้ที่เคยโดนไล่ออกจากบริษัทของตัวเองไปก่อนหน้านี้) ที่คิดจะลาออกจากบริษัท Apple แต่กลับเปลี่ยนใจอยู่ทำงานต่อเมื่อได้ยินข่าวการกลับมาของ สตีฟ จ็อบส์

พนักงานผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นคือ…..

โจนาธาน ไอฟฟ์ หรือ จอนนี่ ไอฟฟ์

Jony Ive นักออกแบบอัจฉริยะ jony ive alert review

จอนนี่ ไอฟฟ์ คือผู้ที่เป็นหัวหอกของ “งานออกแบบผลิตภัณฑ์” ในช่วงที่ สตีฟ จ็อบส์ กลับมากุมบังเหียนที่บริษัท Apple เดิมไอฟฟ์ทำงานให้กับสตูดิโอออกแบบที่รับขึ้นงานต้นแบบให้กับบริษัท Apple แต่ด้วยผลงานออกแบบที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาวิชาออกแบบที่วิทยาลัยโพลีเทคนิคนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ รวมถึงผลงาน รางวัลการออกแบบต่างๆ ที่เคยได้รับ ทำให้เข้าตา “โรเบิร์ต บรันเนอร์” ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมออกแบบในสมัยนั้น บรันเนอร์จึงชวนไอฟฟ์มาเป็นพนักงานที่บริษัท Apple ซึ่งในยุคนั้นมีทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะเปะสะปะมาก โครงสร้างการทำงานภายในองค์กรที่เทอะทะ แถมยังส่งเสริมให้แต่ละทีมพัฒนาสินค้าแข่งขันกันเอง โดยแผนกวิศวกรรมมีบทบาทมาในการออกแบบฟังก์ชันผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการ

จากนั้นเป็นหน้าที่ของแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่จะต้องช่วยดูแลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผ่านวิศวกรรมประดิษฐ์คิดค้นขึ้นให้อยู่ในรูปลักษณ์ที่เหมาะสม ซึ่งกระบวนการทำงานนี้จะตรงข้ามกับยุคที่สตีฟ จ็อบส์เข้ามาดูแลกิจการโดยสิ้นเชิง

ในยุคของสตีฟ จ็อบส์ บริษัทจะให้ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูดีตามรูปแบบที่สตีฟ จ็อบส์ กำหนดแนวทางไว้ แล้วค่อยส่งต่อให้กับฝ่ายวิศวกรรมหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาผลิตเป็นสินค้าต้นแบบ ลักษณะการทำงานแบบนี้ทำให้ iPad ถูกจดสิทธิบัตรสินค้าก่อนที่จะผลิตจริงอยู่หลายปีเนื่องจากในสมัยที่คิดรูปลักษณ์ iPad ได้ เทคโนโลยีหน้าจอสัมผัสยังไม่สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้จริง

ในกระบวนการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือนี้ ไอฟฟ์รับบทตั้งแต่เป็นทั้งผู้ออกแบบโมเดลสินค้าต้นแบบ จนไปถึงการพัฒนาชิ้นส่วนต่างๆ ร่วมกับผู้ผลิตรายย่อยอื่นๆ เพื่อให้สามารถผลิตอุปกรณ์แต่ละชิ้นออกมาได้เหมือนสินค้าต้นแบบที่ตัวเองออกแบบไว้ ภายใต้การดูแลของเจ้านายที่มีหัวล้ำสมัยอย่าง สตีฟ จ็อบส์

กิตติศัพท์การทำงานที่เคียงบ่าเคียงไหล่ระหว่างไอฟฟ์และจ็อบส์เลื่องลือไปทั่ว ทั้งสองคนเป็นทั้งเจ้านายลูกน้อง เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน ทั้ง 2 คนไปไหนมาด้วยกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะกินข้าวเที่ยงด้วยกัน หรือเข้าประชุมร่วมกับจ็อบส์ในเรื่องอื่นๆ ที่ได้เกี่ยวข้องกับงานออกแบบผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่ในความสนิทสนมของทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำให้จ็อบส์อะลุ้มอล่วยกับผลงานไอฟฟ์แต่อย่างใด

เล่ากันว่าทุกครั้งที่จ็อบส์แวะมาดูงานออกแบบตัวใหม่ ไอฟฟ์ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมจะให้ลูกทีมเก็บโมเดลตัวที่ดีที่สุดซ่อนไว้อย่างมิดชิด แล้วปล่อยให้จ็อบส์ดูและวิจารณ์โมเดลตัวรองไปก่อน

และทุกคนในห้องจะพยายามอธิบายถึงคุณสมบัติข้อดีของโมเดลที่นำเสนออยู่อย่างสุดความสามารถ ซึ่งเจ้านายจอมเป๊ะอย่างจ็อบส์จะให้ขอให้ปรับปรุงโมเดลที่นำเสนอและจะกลับมาดูใหม่ในอาทิตย์ถัดไป ซึ่งแน่นอนว่าอาทิตย์ถัดไปโมเดลที่ถูกเก็บซ่อนไว้ 1 อาทิตย์ก็ปรากฏโฉมภายใต้การปรับปรุงจากคำวิจารณ์ของอาทิตย์ก่อนหน้านี้ (ถ้าไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน คงกดดันกันน่าดู)

แน่นอนว่าความน่าสนใจของไอฟ์ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถในการทำงานออกแบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “การบริหารทีมงาน” รวมถึง “การบริหารเจ้านาย” จอมโหดอย่างจ็อบส์ด้วย เครดิตของความสำเร็จนี้คงต้องยกให้กับ “โรเบิร์ต บรันเนอร์” ผู้ที่ชักชวนไอฟฟ์เข้ามาทำงานที่ Apple และผลักดันให้ไอฟฟ์เป็นหัวหน้าทีมออกแบบ ตอนที่เขาลาออกไปเปิดบริษัทที่ปรึกษา แม้ว่าตอนนั้นหลายคนจะท้วงติงว่าไอฟฟ์เพิ่งเข้ามาร่วมทีมกับ Apple ได้ไม่นาน และประสบการณ์ยังน้อย แต่บรันเนอร์ก็ยืนยันที่จะให้ไอฟฟ์เป็นหัวหน้าทีมแทนตนเอง

Jony Ive นักออกแบบอัจฉริยะ Robert Brunner jony ive alert review

ในยุคของจ็อบส์ความสำเร็จของทีมออกแบบ ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบ ทำให้กลายเป็นสินค้าได้จริงล้วนแต่เป็นฝีมือของไอฟฟ์แต่เบื้องหลังของความสำเร็จเหล่านี้ กลับต้องยกเครดิตให้กับสายตาอันแหลมคมของ “โรเบิร์ต บรันเนอร์” ชายผู้ชักนำไอฟฟ์เข้ามาทำงานที่ Apple Inc.

หลังจาก โรเบิร์ต บรันเนอร์ ออกจาก Apple เขาได้ร่วมงานกับหลายแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเป็น Nike, Kindle, Amazon หรือ HP รวมถึงได้ก่อตั้งและเป็นหุ้นส่วนบริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบอีกหลายแห่ง แต่สิ่งที่เขามักกล่าวติดตลกอยู่เสมอคือ “ถ้าผมตาย คนจะจำเขาได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ว่าเขาคือคนที่พาจอนนี่ ไอฟฟ์ เข้ามาทำงานที่ Apple…… บนหลุมฝังศพผมจะเขียนว่า ชายที่เป็นคนจ้างจอนนี่ ไอฟฟ์ ให้มาทำงานที่ Apple”

เรื่องราวของบรันเนอร์ที่ชวนไอฟฟ์ เข้ามาทำงานที่ Apple เห็นจะเป็นเรื่องที่ตรงข้ามกับการที่ จ็อบส์ จ้าง จอห์น สกัลลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเป็บซี่-โคล่า มาเป็น CEO และสุดท้ายถูกผู้บริหารคนนี้ไล่ออกในช่วงเวลาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

Key Lessons

#ทุกๆ ความสำเร็จล้วนมีที่มาและไม่ใช่สิ่งบังเอิญ

#คนทำงานเก่งใช่ว่าจะบริหารเก่ง

#คนบริหารเก่งต้องเลือกใช้คนเป็น

#คัดคนที่ใช่เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ

#คนที่ถูกต้อง ต้องอยู่ให้ถูกที่

#เราต่างต้องให้โอกาสคนอื่นและให้โอกาสตัวเอง

อาจารย์เพชร – ทิพย์สุวรรณ ตั้งอมรสุขสันต์ (ผู้เขียน)

ผู้คลั่งไคล้การ Recruit ยอดฝีมือมาร่วมทีม